คำนำ
รายงานเรื่องแผลกดทับ ฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษารายวิชา...................เนื้อหาของรายงานประกอบด้วยความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับแผลกดทับ กระบวนการเกิด การเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยา สาเหตุและปัจจัยในการเกิดโรคแผลกดทับ อาการและการตรวจวินิจฉัยรวมทั้งการรักษาทางการแพทย์ โดยรวบรวมข้อมูลจากแหล่งสารสนเทศหลายแหล่ง ด้วยความมุ่งหมายให้ผู้สนใจสามารถศึกษาและนำไปประยุกต์ใช้ได้
ขอขอบคุณ..........................ที่ให้คำแนะนำแนวทางการจัดทำรายงาน และ ...................ที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติม
ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารายงานฉบับนี้คงเป็นประโยชน์แก่นักศึกษา และผู้ที่สนใจนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ต่อไป
ชุลีกร บุญเต็ม
16 กันยายน 2556
ความรู้เกี่ยวกับภาษาไทย
วันจันทร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2556
วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2556
ย่อหน้า3 ต่ออีกนะ
การลดความอ้วนที่ปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพควรลดอย่างช้าๆพยายามให้ร่างกายได้รับอาหารที่มีแคลอรีน้อยกว่าจำนวนพลังงานที่ร่างกายต้องการไปใช้ในแต่ละวัน หรือพูดง่ายๆว่ากินอาหารให้น้อยลงกว่าปกติและออกกำลังกายให้มากขึ้น เพื่อร่างกายจะได้นำพลังงานสะสมมาใช้ทดแทน กินอาหารที่มีไขมัน แป้ง น้ำตาล และน้ำอัดลมให้น้อยลง ควรหมั่นกินผักผลไม้ ที่มีรสไม่หวานและมีเส้นใยมาก เช่น คะน้า ส้ม เป็นต้น เส้นใยเหล่านี้จะช่วยลดการดูดซึมของไขมันและน้ำตาลทั้งยังช่วยให้การขับถ่ายดีขึ้น และยังเป็นอาหารที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักเพราะมีแคลอรีต่ำช่วยลดความอ้วนได้อย่างปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ หากยังไม่ได้ผลควรปรึกษาแพทย์
สรุป ย่อหน้า4 นะ จากที่กล่าวมาข้างต้น ชี้ให้เห็นว่าปัจจุบันมีวัยรุ่นจำนวนมากพยายามลดความอ้วนเพื่อเรียกความมั่นใจของตัวเองกลับคืนมาและห่วงสุขภาพอนามัยของตนเพราะความอ้วนนั้นก่อให้เกิดโรคได้สารพัด การลดความอ้วนมีวิธีการลดมากมายต่างๆนานา แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความตั้งใจและความมุ่งมั่นของแต่ละคน การลดความอ้วนที่ปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพควรลดอย่างช้าๆ กินอาหารให้น้อยลง ออกกำลังกายให้มากขึ้น
สรุป ย่อหน้า4 นะ จากที่กล่าวมาข้างต้น ชี้ให้เห็นว่าปัจจุบันมีวัยรุ่นจำนวนมากพยายามลดความอ้วนเพื่อเรียกความมั่นใจของตัวเองกลับคืนมาและห่วงสุขภาพอนามัยของตนเพราะความอ้วนนั้นก่อให้เกิดโรคได้สารพัด การลดความอ้วนมีวิธีการลดมากมายต่างๆนานา แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความตั้งใจและความมุ่งมั่นของแต่ละคน การลดความอ้วนที่ปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพควรลดอย่างช้าๆ กินอาหารให้น้อยลง ออกกำลังกายให้มากขึ้น
ต่อจากวัยรุ่นตอนปลาย นะ
วัยรุ่นส่วนใหญ่หรือรวมทั้งคนทั่วไปเริ่มรู้ว่าความอ้วนนั้นก่อให้เกิดดรคได้สารพัดไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพทำให้ไขมันที่มีอยู่จำนวนมากนั้นอุดตันที่ผนังหลอดเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุนำไปสู่โรคหัวใจทำให้เลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจไม่เพียงพอ โรคเบาหวาน ซึ่งเกิดจากที่มีน้ำตาลในเลือดมากกว่าปกติ ซึ่งในปกติแล้วระดับน้ำตาลของคนเเราจะอยู่ระหว่าง 110 มก./ดล. และยังทำให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง โรคไขขอโดยเฉพาะข้อเข่า ข้อเท้าและที่ตัวเท้า เพราะข้อเหล่านี้จะต้องรับน้ำหนักมากกว่าปกติ ความอ้วนทำให้ขาดความคล่องตัว อาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายและมักรุ่นแรง การลดความอ้วนจะทำได้ง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก ขึ้นอยู่กับความตั้งใจและมุ่งมั่นที่สำคัญเมื่อลดน้ำหนักได้แล้วต้องพยายามรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์โดยตลอด
ย่อหน้า3นะ วิธีลดความอ้วน โดยการออกกำลังกายเป็นวิธีที่เรียบง่าย แต่วัยรุ่นส่วนใหญ่ที่ต้องการลดความอ้วนมักจะปฎิเสธวิธีนี้และหันไปทำอย่างอื่นซึ่งไม่ค่อยได้ผลดีนัก แต่ถ้าลองวิ่งเหยาะๆให้เกิดการเผาผลาญไขมันกระบวนการเมตาบอริซึมในร่างกายปกติแล้วการวิ่งออกกำลังกายควรจะเป็นช่วงเย็นเวลา 30 นาทีทุกวัน ไขมันในร่างกายของเราก็จะถูกเผาผลาญไป นอกจากนี้ยังมีการออกกำลังกายอีกอย่างที่นิยมกันในหมู่วัยรุ่นคือ ว่ายน้ำ เต้นแอโรบิค หรือเล่นกิจกรรมกีฬาที่เสียเหงื่อทุกอย่าง ถ้ายิ่งเป็นกีฬาที่ชอบก็จะทำให้เวลาออกกำลังกายยืดขยายไปได้อีก แต่ต้องหมั่นออกกำลังกายทุกวัน ไม่เช่นนั้นการออกกำลังกายก็จะไม่มีผล ถ้าหากทำเพียง 2-3 ครั้งในหนึ่งสัปดาห์ ถ้าทำทุกวันนอกจากน้ำหนักจะลดแล้วยังได้รูปร่างดีเข้ามาเพิ่มอีกด้วย แต่ไม่ควรออกกำลังกายหักโหมเกินไปเพราะจะทำให้กล้ามเนื้ออักเสบ ควรออกกำลังกายอย่างพอดีและอย่าฝืนร่างกายเด็ดขาดไม่เช่นนั้นน้ำหนักไม่ลดแต่กลับเจ็บตัว เหนื่อยฟรี การกินอาหารคือสิ่งสำคัญมากเพราะนอกจากการออกกำลังกายหรือการทำกิจวัตประจำวันต่างๆที่ช่วยทำให้การเผาผลาญไขมันในร่างกายทำงานอย่างเต็มที่แล้ว พฤติกรรมการกินก็เป็นตัวหลักที่จะชี้วัดได้ว่าน้ำหนักจะลดลงหรือจะเพิ่มขึ้น ต่อให้ออกกำลังกายไปเท่าไหร่ แต่พฤติกรรมการกินก็เป็นแบบเดิม คือ ตามใจปาก ไม่คำนึงถึงผลที่จะตามมาเมื่อรับประทานอาหารที่มีไขมันและแคลอรีสูงเพระาเอาแต่คิดว่ากินไปเดี๋ยวค่อยไปออกกำลังกายก็ได้ อาหารที่เหมาะสมที่สามารถควบคุมน้ำหนักหรือลดน้ำหนักของเราลงได้ ต้องเป็นอาหารที่แคลอรีต่ำมีส่วนประกอบของไขมันให้น้อยที่สุด อาทิ อาหารประเภทต้ม เช่น แกงจืดตำลึงหมูสับ แกงจืดวุ้นเส้น ต้มเลือดหมู ส่วนอาหารประเภทยำ เช่น ยำมะม่วง ยำรวมมิตร ยำวุ้นเส้น อาหารประเภทนึ่ง เช่น เต้าหู้นึ่งทรงเครื่อง ปลา่นึ่งสสมุนไพร และการกินอาหารเสริมจำพวก แอคาร์นิทีน เป็นตัวกระตุ้นให้น้ำหนักลดลงตามจุดประสงค์ เพราะแอคาร์นิทีนทำให้แก่ช้าลง เหตุผลคือ เซลล์ในร่างกายทุกๆเซลล์ไม่ว่าจะเป็นเซลล์สมอง เซลล์จากระบบภูมิคุ้มกัน เซลล์จากหัวใจ หรือเซลล์จากที่อื่นๆของร่างกายทั้งหมดจะทำงานได้ดีก็ต่อเมื่อได้รับพลังงานเพียงพอ และเหมาะสมกับความต้องการของเซลล์แต่ละชนิด แอคาร์นิทีนนี่เองที่มีทส่วนช่วยให้เซลล์มีอายุยืนนานขึ้น และยังทำให้ระดับไตรกลีเซอร์ไรด์อยู่ในระดับต่ำ และช่วยเพิ่มระดับคอเรสเตอรอลที่มีประโยชน์ในเลือด แอคาร์นิทีนมีส่วนช่วยป้องกันโรคหัวใจโดยมีผลทำให้สุขภาพโดยรวมของหัวใจดีขึ้น ช่วยให้น้ำหนักลดโดยเฉพาะการใช้ร่วมกับวิธีการที่เราลดอาหารจำพวกแป้งในอาหารแต่ละมื้อ ช่วยเพิ่มระดับพลังงานของร่างกายอย่างค่อยเป็นค่อยไปทำให้ความสามารถในการออกกำลังกายเพิ่มขึ้น
ย่อหน้า3นะ วิธีลดความอ้วน โดยการออกกำลังกายเป็นวิธีที่เรียบง่าย แต่วัยรุ่นส่วนใหญ่ที่ต้องการลดความอ้วนมักจะปฎิเสธวิธีนี้และหันไปทำอย่างอื่นซึ่งไม่ค่อยได้ผลดีนัก แต่ถ้าลองวิ่งเหยาะๆให้เกิดการเผาผลาญไขมันกระบวนการเมตาบอริซึมในร่างกายปกติแล้วการวิ่งออกกำลังกายควรจะเป็นช่วงเย็นเวลา 30 นาทีทุกวัน ไขมันในร่างกายของเราก็จะถูกเผาผลาญไป นอกจากนี้ยังมีการออกกำลังกายอีกอย่างที่นิยมกันในหมู่วัยรุ่นคือ ว่ายน้ำ เต้นแอโรบิค หรือเล่นกิจกรรมกีฬาที่เสียเหงื่อทุกอย่าง ถ้ายิ่งเป็นกีฬาที่ชอบก็จะทำให้เวลาออกกำลังกายยืดขยายไปได้อีก แต่ต้องหมั่นออกกำลังกายทุกวัน ไม่เช่นนั้นการออกกำลังกายก็จะไม่มีผล ถ้าหากทำเพียง 2-3 ครั้งในหนึ่งสัปดาห์ ถ้าทำทุกวันนอกจากน้ำหนักจะลดแล้วยังได้รูปร่างดีเข้ามาเพิ่มอีกด้วย แต่ไม่ควรออกกำลังกายหักโหมเกินไปเพราะจะทำให้กล้ามเนื้ออักเสบ ควรออกกำลังกายอย่างพอดีและอย่าฝืนร่างกายเด็ดขาดไม่เช่นนั้นน้ำหนักไม่ลดแต่กลับเจ็บตัว เหนื่อยฟรี การกินอาหารคือสิ่งสำคัญมากเพราะนอกจากการออกกำลังกายหรือการทำกิจวัตประจำวันต่างๆที่ช่วยทำให้การเผาผลาญไขมันในร่างกายทำงานอย่างเต็มที่แล้ว พฤติกรรมการกินก็เป็นตัวหลักที่จะชี้วัดได้ว่าน้ำหนักจะลดลงหรือจะเพิ่มขึ้น ต่อให้ออกกำลังกายไปเท่าไหร่ แต่พฤติกรรมการกินก็เป็นแบบเดิม คือ ตามใจปาก ไม่คำนึงถึงผลที่จะตามมาเมื่อรับประทานอาหารที่มีไขมันและแคลอรีสูงเพระาเอาแต่คิดว่ากินไปเดี๋ยวค่อยไปออกกำลังกายก็ได้ อาหารที่เหมาะสมที่สามารถควบคุมน้ำหนักหรือลดน้ำหนักของเราลงได้ ต้องเป็นอาหารที่แคลอรีต่ำมีส่วนประกอบของไขมันให้น้อยที่สุด อาทิ อาหารประเภทต้ม เช่น แกงจืดตำลึงหมูสับ แกงจืดวุ้นเส้น ต้มเลือดหมู ส่วนอาหารประเภทยำ เช่น ยำมะม่วง ยำรวมมิตร ยำวุ้นเส้น อาหารประเภทนึ่ง เช่น เต้าหู้นึ่งทรงเครื่อง ปลา่นึ่งสสมุนไพร และการกินอาหารเสริมจำพวก แอคาร์นิทีน เป็นตัวกระตุ้นให้น้ำหนักลดลงตามจุดประสงค์ เพราะแอคาร์นิทีนทำให้แก่ช้าลง เหตุผลคือ เซลล์ในร่างกายทุกๆเซลล์ไม่ว่าจะเป็นเซลล์สมอง เซลล์จากระบบภูมิคุ้มกัน เซลล์จากหัวใจ หรือเซลล์จากที่อื่นๆของร่างกายทั้งหมดจะทำงานได้ดีก็ต่อเมื่อได้รับพลังงานเพียงพอ และเหมาะสมกับความต้องการของเซลล์แต่ละชนิด แอคาร์นิทีนนี่เองที่มีทส่วนช่วยให้เซลล์มีอายุยืนนานขึ้น และยังทำให้ระดับไตรกลีเซอร์ไรด์อยู่ในระดับต่ำ และช่วยเพิ่มระดับคอเรสเตอรอลที่มีประโยชน์ในเลือด แอคาร์นิทีนมีส่วนช่วยป้องกันโรคหัวใจโดยมีผลทำให้สุขภาพโดยรวมของหัวใจดีขึ้น ช่วยให้น้ำหนักลดโดยเฉพาะการใช้ร่วมกับวิธีการที่เราลดอาหารจำพวกแป้งในอาหารแต่ละมื้อ ช่วยเพิ่มระดับพลังงานของร่างกายอย่างค่อยเป็นค่อยไปทำให้ความสามารถในการออกกำลังกายเพิ่มขึ้น
วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2556
วัยรุ่นกับการลดความอ้วน
ปัจจุบันมีวัยรุ่นจำนวนมากพยายามลดความอ้วน ซึ่งเห็นได้จากธุรกิจลดน้ำหนักที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสถานบริการลดน้ำหนัก ผลิตภัณฑ์ควบคุมน้ำหนัก หรือเรียกง่ายๆว่ายาลดความอ้วนซึ่งโฆษณาตามสื่อต่างๆไม่ว่าจะทางอินเทิร์เน็ต หนังสือโฆษณาสินค้า ใบปลิว ทางวิทยุ ร้านค้าเครื่องสำอางและขายอยู่ทั้วไป ทั้งนี้วัยรุ้นแต่ละคนมีเห็นผลในการลดน้ำหนักที่แตกต่างกันไปบ้างต้องการให้รูปร่างดีเพื่อความคล่องตัวและหาเสื่อผ้าใส่ง่าย บ้างคนต้องการเรียกความมั้นใจของตัวเองกลับคืนมา และอีกเหตูผลที่สำคัญ คือ ห่วงสุขภาพอนามัยของตัวเอง
วัยรุ้นเป็นวัยที่มีการเจริญเติมโต มีการเปลียนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจากวัยเด็กเติมโตไปสู้วัยผู้ใหญ่มีการเปลียนแปลงทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และพัฒนาการทางเพศที่สมบูรณ์ เข้าสู้ความพร้อมที่จะมีเพศสัมพันธ์และตั้งครรภ์ได้ วัยรุ่นมีความหลากหลายเนื่องจากขึ้นกับความแตกต่างของขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมตลอดจนความแตกต่างทางสังคม และการเปลียนแปลงทางสรรีวิทยา อายุโดยประมาณ คือ เด็กหญิงระหว่างอายุ 10-20 ปีและเด็กวายระหว่า่ง12-22 ปีเนื่องจากช่วงวัยดังกล่าวค่อนข้างยาว จึงมีการแบ่งช่วงวัยออกเป็น 2-3 ระยะ คือ วัยรุ่นตอนต้น วัยรุ่นตอนกลาง วัยรุ่นตอนปลาย
วัยรุ้นเป็นวัยที่มีการเจริญเติมโต มีการเปลียนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจากวัยเด็กเติมโตไปสู้วัยผู้ใหญ่มีการเปลียนแปลงทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และพัฒนาการทางเพศที่สมบูรณ์ เข้าสู้ความพร้อมที่จะมีเพศสัมพันธ์และตั้งครรภ์ได้ วัยรุ่นมีความหลากหลายเนื่องจากขึ้นกับความแตกต่างของขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมตลอดจนความแตกต่างทางสังคม และการเปลียนแปลงทางสรรีวิทยา อายุโดยประมาณ คือ เด็กหญิงระหว่างอายุ 10-20 ปีและเด็กวายระหว่า่ง12-22 ปีเนื่องจากช่วงวัยดังกล่าวค่อนข้างยาว จึงมีการแบ่งช่วงวัยออกเป็น 2-3 ระยะ คือ วัยรุ่นตอนต้น วัยรุ่นตอนกลาง วัยรุ่นตอนปลาย
วันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
ลักษณะคำประพันธ์
รูปแบบการแต่ง
มี 4 วรรค วรรคหน้า 5 คำ วรรคหลัง 6 คำ แต่งโดยใช้คำครุ (สระ อะ) ลหุ (สระอุ) ในการแต่ง การสัมผัสจะเป็นคำสุดท้ายของวรรคที่ 2 สัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรคที่ 3 (ดูแผนผังประกอบ)
อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ จะมีแบบแผนเหมือนกับ กาพย์ยานี ๑๑ แต่เพิ่ม ครุ, ลหุ เข้าไป อินทรวิเชียร แปลว่า เพชรพระอินทร์ หมายถึง ฉันท์ที่มีลีลาอย่างเพชรของพระอินทร์ นิยมใช้แต่งข้อความที่เป็นบทชมหรือบทคร่ำครวญนอกจากนี้ยังแต่งเป็นบทสวด หรือพากย์โขนด้วย
คำครุ
หมายถึง คำที่ประสมด้วยสระเสียงยาวในแม่ ก กา เช่น กา ตี งู กับคำที่ประสมด้วยสระเสียงสั้นหรือยาวก็ได้ที่มีตัวสะกด เช่น นก บิน จาก รัง นอน และคำที่ประสมด้วยสระ อำ ไอ ใอ เอา ซึ่งถึอว่าเป็นเสียงมีตัวสะกด
คำลหุ
หมายถึง คำที่ประสมด้วยสระเสียงสั้นในแม่ ก กา เช่น จะ ติ มุ เตะ และคำที่ใช้พยัญชนะคำเดียว เช่น ก็ บ่ ณ ธ นอกจากนี้คำที่ประสมด้วย สระอำ บางทีก็อนุโลมให้เป็นคำลหุได้ เช่น ลำ
คำลหุ เวลาเขียนเป็นสัญลักษณ์ ใช้เครื่องหมายเหมือนสระอุ แทน
คณะและพยางค์
ฉันท์ บทหนึ่งมี ๒ บาท บาทหนึ่งมี ๒ วรรค วรรคต้นมี ๘ คำ วรรคท้ายมี ๖ คำรวมทั้งบาทมี ๑๔ คำ
สัมผัส มีสัมผัสในบทสองแห่ง คือ คำสุดท้ายของวรรคที่ ๑ สัมผัสกับคำที่ ๓ ของวรรคที่ ๒ และ คำสุดท้ายของวรรคที่ ๒ สัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรคที่ ๓
สัมผัสระหว่างบท คือ คำสุดท้ายของบท สัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรคที่ ๒ ของบทต่อไป
คำครุ ลหุ บทหนึ่งมีคำครุทั้งหมด ๑๔ คำ คำลหุ ๑๔ คำ บังคับ ครุ และลหุ
ร่ายสุภาพ
ร่ายสุภาพนี้นิยมแต่งกันอย่างแพร่หลายมาจนถึงปัจจุบัน มีการนำร่ายสุภาพไปเป็นส่วนหนึ่งของลิลิต
เช่น ในลิลิตพระลอ ลิลิตตะเองพ่าย เป็นต้น
คณะ บทหนึ่งมี ๕ วรรคขึ้นไป วรรคละ ๕ คำ จะมีกี่วรรคก็ได้ แต่เมื่อจบจะต้องจบด้วยโคลงสองสุภาพ
สัมผัส คำสุดท้ายของวรรคหน้า ส่งสัมผัสไปยังคำที่ ๑ หรือ ๒ หรือ ๓ ของวรรคต่อไป
คำสร้อย เติมได้ ๒ คำ ตอนจบบท
ฉันทลักษณ์๑. กลอนสักวาบทหนึ่งมี ๘ วรรค หรือ ๒ คำกลอน วรรค หนึ่งใช้คำตั้งแต่ ๖-๙ คำ ถ้าจะแต่งบทต่อไป ต้องขึ้น บทใหม่ ไม่ต้องมี สัมผัสเกี่ยวข้องกับบทต้น
๒. ต้องขึ้นต้นด้วยคำว่า “สักวา” และลงท้าย ด้วยคำว่า “เอย”
๓. สัมผัสและความไพเราะ เหมือนกับกลอนสุภาพ
ลักษณะคำประพันธ์
๑. บท บทหนึ่งมี ๓ วรรค อาจเรียกว่าวรรคสดับ วรรครับ วรรคส่ง ก็ได้ แบ่งเป็น
วรรคแรก (วรรคสดับ) มี ๖ คำ วรรคที่สอง (วรรครับ) มี ๔ คำ
วรรคที่ ๓ (วรรคส่ง) มี ๖ คำ
รวมทั้งหมด ๑๖ คำ จึงเรียกฉบัง ๑๖
๒. สัมผัส
ก. สัมผัสนอก หรือสัมผัสระหว่างวรรค อันเป็นสัมผัสบังคับ มีดังนี้
คำสุดท้ายของวรรคหนึ่ง (วรรคสดับ) สัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรคสอง
(วรรครับ)
สัมผัสระหว่างบท ของกาพย์ฉบัง คือ
คำสุดท้ายของวรรคสาม (วรรคส่ง) เป็นคำส่งสัมผัส บังคับให้บทต่อไปต้องรับ สัมผัสที่คำสุดท้ายของวรรคหนึ่ง (วรรคสดับ
ลักษณะคำประพันธ์
๑. บท บทหนึ่งมี ๗ วรรคขึ้นต้นด้วยวรรครับ ต่อด้วยวรรครอง และวรรคส่ง แล้วขึ้นต้น ด้วยวรรคสดับ – รับ – รอง – ส่ง ตามลำดับ รวม ๗ วรรค เป็น ๑ บท แต่ละวรรคมี ๔ คำ ๑ บทมี ๗ วรรค รวม ๒๘ คำ จึงเรียกว่า กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘
๒. สัมผัส ก. สัมผัสนอก หรือสัมผัสระหว่างวรรค อันเป็นสัมผัสบังคับ มีดังนี้ คำสุดท้ายของวรรคต้น (วรรครับ) สัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรคถัดไป คือวรรครอง คำสุดท้ายของวรรคที่สามคือวรรคส่งสัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรคที่ห้า (วรรครับ) คำสุดท้ายของวรรคที่สี่ (วรรคสดับ) สัมผัสกับคำที่หนึ่งหรือสองของวรรคที่ห้า (วรรครับ) และคำสุดท้ายของวรรคที่ห้า (วรรครับ) ส่งสัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรคที่หก (วรรครอง) สัมผัสระหว่างบท ของกาพย์สุรางคนางค์ คือ คำสุดท้ายของวรรคที่ ๗ (วรรคส่ง) เป็นคำส่งสัมผัสบังคับให้บทต่อไป ต้องรับสัมผัสที่คำสุดท้ายของวรรคที่ ๓ (วรรคส่ง)
๑. บท บทหนึ่งมี ๔ วรรค
วรรคที่หนึ่งเรียกวรรคสดับ | วรรคที่สองเรียกวรรครับ |
วรรคที่สามเรียกวรรครอง | วรรคที่สี่เรียกวรรคส่ง |
แบ่งเป็นวรรคแรก ๕ คำ วรรคหลัง ๖ คำ รวม ๑๑ คำ จึงเรียก ยานี ๑๑
๒. สัมผัส
ก. สัมผัสนอก หรือสัมผัสระหว่างวรรค อันเป็นสัมผัสบังคับ มีดังนี้
คำสุดท้ายของวรรคแรกวรรคที่หนึ่ง (วรรคสดับ) สัมผัสกับคำที่สามของวรรคหลัง วรรคที่สอง (วรรครับ)
คำสุดท้ายของวรรคที่สอง (วรรครับ) สัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรคที่สาม (วรรครอง)
(ดูแผนผังและยกตัวอย่าง)
ถ้าจะแต่งบทต่อไปต้องมีสัมผัสระหว่างบท
สัมผัสระหว่างบท ของกาพย์ยานี คือ
คำสุดท้ายของวรรคสี่ (วรรคส่ง) เป็นคำส่งสัมผัสบังคับให้บทต่อไปต้องรับสัมผัสที่คำ
สุดท้ายของวรรคสอง (วรรครับ)
กลอนแปด เป็นคำประพันธ์อีกชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมกันทั่วไป เพราะเป็นร้อยกรองชนิดที่มีความเรียบเรียงง่ายต่อการสื่อความหมาย และสามารถสื่อได้อย่างไพเราะ ซึ่งกลอนแปดมีการกำหนดพยางค์และสัมผัส มีหลายชนิดแต่ที่นิยมคือ กลอนสุภาพ
ลักษณะคำประพันธ์
๑. บท บทหนึ่งมี ๔ วรรค
วรรคที่หนึ่งเรียกวรรคสดับ วรรคที่สองเรียกวรรครับ
วรรคที่สามเรียกวรรครอง วรรคที่สี่เรียกวรรคส่ง
แต่ละวรรคมีแปดคำ จึงเรียกว่า กลอนแปด
๒. เสียงคำ กลอนทุกประเภทจะกำหนดเสียงคำท้ายวรรคเป็นสำคัญ กำหนดได้ ดังนี้
คำท้ายวรรคสดับ | กำหนดให้ใช้ได้ทุกเสียง |
คำท้ายวรรครับ | กำหนดห้ามใช้เสียงสามัญกับตรี |
คำท้ายวรรครอง | กำหนดให้ใช้เฉพาะเสียงสามัญกับตรี |
คำท้ายวรรคส่ง | กำหนดให้ใช้เฉพาะเสียงสามัญกับตรี |
๓. สัมผัส
ก. สัมผัสนอก หรือสัมผัสระหว่างวรรค อันเป็นสัมผัสบังคับ มีดังนี้
คำสุดท้ายของวรรคที่หนึ่ง (วรรคสดับ) สัมผัสกับคำที่สามหรือที่ห้า ของวรรคที่สอง (วรรครับ)
คำสุดท้ายของวรรคที่สอง (วรรครับ) สัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรคที่สาม (วรรครอง) และคำที่สามหรือที่ห้าของวรรคที่สี่ (วรรคส่ง)
สัมผัสระหว่างบท ของกลอนแปด คือ
คำสุดท้ายของวรรคที่สี่ (วรรคส่ง) เป็นคำส่งสัมผัสบังคับให้บทต่อไปต้องรับสัมผัส ที่คำสุดท้ายของวรรคที่สอง (วรรครับ)
ข. สัมผัสใน แต่ละวรรคของกลอนแปด แบ่งช่วงจังหวะออกเป็นสามช่วง ดังนี้
หนึ่งสองสาม – หนึ่งสอง – หนึ่งสองสาม
ฉะนั้นสัมผัสในจึงกำหนดได้ตามช่วงจังหวะในแต่ละวรรคนั่นเอง ดังตัวอย่าง
อันกลอนแปด – แปด คำ – ประจำวรรค
วางเป็นหลัก – อัก ษร – สุนทรศรี
ลักษณะคำประพันธ์
๑. บท บทหนึ่งมี ๔ วรรค
วรรคที่หนึ่งเรียกวรรคสดับ วรรคที่สองเรียกวรรครับ
วรรคที่สามเรียกวรรครอง วรรคที่สี่เรียกวรรคส่ง
แต่ละวรรคมี ๖ คำ จึงเรียกว่า กลอนหก
๒. เสียงคำ กลอนทุกประเภทจะกำหนดเสียงคำท้ายวรรคเป็นสำคัญ กำหนดได้ ดังนี้
คำท้ายวรรคสดับ | กำหนดให้ใช้ได้ทุกเสียง |
คำท้ายวรรครับ | กำหนดห้ามใช้เสียงสามัญกับตรี |
คำท้ายวรรครอง | กำหนดให้ใช้เฉพาะเสียงสามัญกับตรี |
คำท้ายวรรคส่ง | กำหนดให้ใช้เฉพาะเสียงสามัญกับตรี |
๓. สัมผัส
ก. สัมผัสนอก หรือสัมผัสระหว่างวรรค อันเป็นสัมผัสบังคับ มีดังนี้
คำสุดท้ายของวรรคที่หนึ่ง (วรรคสดับ) สัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรคที่สาม (วรรครับ)
คำสุดท้ายของวรรคที่สอง (วรรครับ) สัมผัสกับคำสุดท้ายของวรรคที่สาม (วรรครอง)
และคำที่สองหรือที่สี่ของวรรคที่สี่ (วรรคส่ง)
สัมผัสระหว่างบท ของกลอนทุกประเภท คือ
คำสุดท้ายของวรรคที่สี่ (วรรคส่ง) เป็นคำส่งสัมผัสบังคับให้บทต่อไปต้องรับสัมผัส
ที่คำสุดท้ายของวรรคที่สอง (วรรครับ)
ข้อสังเกต กลอนหกไม่เคร่งสัมผัสในวรรคมากนัก อาจย้ายที่สัมผัสจากคำที่สองไปคำที่สี่ได้ หรือ
จะไม่มีสัมผัสสระเลย ใช้การเล่นคำตามช่วงจังหวะก็ได้ดังกลอนตัวอย่าง เช่น
ทุกวรรค – ทุกบท – ทุกตอน
ตัวอย่าง กลอน๖ อื่นๆ
กลอนสี่ เป็นคำประพันธ์ประเภทกลอน ใน 1 บท มี 2 บาท 1 บาท มี 2 วรรค วรรคละ 4 คำ กลอน 4
วรรคทองของสุนทรภู่
วรรคทองของสุนทรภู่
แม่รักลูกลูกก็รู้อยู่ว่ารัก
คนอื่นสักหมื่นแสนไม่แม้นเหมือน
จะกินนอนวอนว่าเมตตาเตือน
จะจากเรือนร้างแม่ไปแต่ตัว
แม่วันทองของลูกจงกลับบ้าน
เขาจะพาลว้าวุ่นแม่ทูนหัว
จะก้มหน้าลาไปมิได้กลัว
แม่อย่ามัวหมองนักจงหักใจ
นางกอดจูบลูบหลังแล้วสั่งสอน
อำนวยพรพลายน้อยละห้อยไห้
พ่อไปดีศรีสวัสดิ์กำจัดภัย
จนเติบใหญ่ยิ่งยวดได้บวชเรียน
ลูกผู้ชายลายมือนั้นคือยศ
เจ้าจงอุตส่าห์ทำสม่ำเสมียน
แล้วพาลูกออกมาข้างท่าเกวียน
จะจากเจียนใจขาดอนาถใจ
(ขุนช้างขุนแผน ตอน พลายงามพบพ่อ)
จะพูดจาปราศรัยกับใครนั้น
อย่าตะคั้นตะคอกให้เคืองหู
ไม่ควรพูดอื้ออึงขึ้นมึงกู
คนจะหลู่ล่วงลามไม่ขามใจ
(สุภาษิตสอนหญิง ของ สุนทรภู่)
แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์
มันยากสุดลึกล้ำเหลือกำหนด
ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด
ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน
มนุษย์นี้ที่รักอยู่สองสถาน
บิดามารดารักมักเป็นผล
ที่พึ่งหนึ่งพึ่งได้แต่กายตน
เกิดเป็นคนคิดเห็นจึงเจรจา
แม้นใครรักรักมั่งชังชังตอบ
ให้รอบคอบคิดอ่านนะหลานหนา
รู้สิ่งไรไม่สู้รู้วิชา
รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี
(จากเรื่องพระอภัยมณี ของ สุนทรภู่)
ถึงหน้าวังดังหนึ่งใจจะขาด
คิดถึงบาทบพิตรอดิศร
โอ้ผ่านเกล้าเจ้าประคุณของสุนทร
แต่ปางก่อนเคยเฝ้าทุกเช้าเย็น
พระนิพพานปานประหนึ่งศีรษะขาด
ด้วยทุกข์ยากยากแค้นถึงแสนเข็ญ
ทั้งโรคซ้ำกรรมซัดวิบัติเป็น
ไม่เล็งเห็นที่ซึ่งจะพึ่งพา
(จาก นิราศเมืองแกลง ของ สุนทรภู่)
มีสลึงพึงประจบให้ครบบาท
อย่าให้ขาดสิ่งของต้องประสงค์
จงมักน้อยกินน้อยค่อยบรรจง
อย่าจ่ายลงให้มากจะยากนาน
ไม่ควรซื้อก็อย่าไปพิไรซื้อ
ให้เป็นมื้อเป็นคราวทั้งคาวหวาน
เมื่อพ่อแม่แก่เฒ่าชรากาล
จงเลี้ยงท่านอย่าให้อดระทดใจ
ด้วยชนกชนนีนั้นมีคุณ
ได้การุญเลี้ยงรักษามาจนใหญ่
อุ้มอุทรป้อนข้าวเป็นเท่าไร
หมายจะได้พึ่งพาธิดาดวง
อันอ้อยตาลหวานลิ้นแล้วสิ้นซาก
แต่ลมปากหวานหูไม่รู้หาย
แม้เจ็บอื่นหมื่นแสนจะแคลนคลาย
เจ็บจนตายนั้นเพราะเหน็บให้เจ็บใจ
(จากเพลงยาวถวายโอวาท ของ สุนทรภู่)
อันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ
ไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดมากรีดหิน
แค่องค์พระปฏิมายังราคิน
คนเดินดินหรือจะสิ้นคนนินทา
(จากพระอภัยมณี ของ สุนทรภู่)
ถึงม้วยดินสิ้นฟ้ามหาสมุทร
ไม่สิ้นสุดความรักสมัครสมาน
แม้เกิดในใต้ฟ้าสุธาธาร
ขอพบพานพิศวาสไม่คลาดคลา
แม้เนื้อเย็นเป็นห้วงมหรรณพ
พี่ขอพบศรีสวัสดิ์เป็นมัจฉา
แม้เป็นบัวตัวพี่เป็นภุมรา
เชยผกาโกสุมประทุมทอง
แม้เป็นถ้ำอำไพใคร่เป็นหงส์
จะร่อนลงสิงสู่เป็นคู่สอง
ขอติดตามทรามสงวนนวลละออง
เป็นคู่ครองพิศวาสทุกชาติไป
(จากพระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีเกี้ยวนางละเวง ได้ถูกนำไปดัดแปลงเล็กน้อยกลายเป็นเพลง “คำมั่นสัญญา” ของ สุนทรภู่)
เขาย่อมเปรียบเทียบความว่ายามรัก
แต่น้ำผักต้มขมชมว่าหวาน
ครั้นรักจางห่างเหินไปเนิ่นนาน
แต่น้ำตาลว่าเปรี้ยวไม่เหลียวแล
(จากนิราศเจ้าฟ้า ของ สุนทรภู่)
เป็นมนุษย์สุดนิยมเพียงลมปาก
จะได้ยากโหยหิวเพราะชิวหา
แม้นพูดดีมีคนเขาเมตตา
จะพูดจาพิเคราะห์ให้เหมาะความ
(จากพระอภัยมณี ของ สุนทรภู่)
นิราศภูเขาทองของสุนทรภู่ (นิราศภูเขาทองนี้ เป็นนิราศที่ไพเราะที่สุด)
ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์ มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต
แม้นพูดชั่วตัวตายทำลายมิตร จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจา
ไม่เมาเหล้าแล้วแต่เรายังเมารัก
สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน
ถึงเมาเหล้าเช้าสายก็หายไป
แต่เมาใจนี้ประจำทุกค่ำคืนฯ
ถึงบางเดื่อโอ้มะเดื่อเหลือประหลาด
บังเกิดชาติแมลงหวี่มีในไส้
เหมือนคนพาลหวานนอกย่อมขมใน
อุปไมยเหมือนมะเดื่อเหลือระอา
(นิราศภูเขาทอง)
วรรคทองจากเรื่อง อิเหนา ตอนศึกกะหมังกุหนิง
“แล้วว่าอนิจจาความรัก
พึ่งประจักษ์ดั่งสายน้ำไหล
ตั้งแต่จะไหลเชี่ยวเป็นเกลียวไป
ที่ไหนเลยจะไหลคืนมา “
เป็นตอนที่อิเหนาต้องจากนางจินตะหราเพื่อไปรบกับท้าวกะหมังกุหนิง โดยนางจินตะหรากล่าวเปรียบเทียบว่า ความรักของอิเหนานั้นคงเป็นเหมือนสายน้ำที่ไหลแล้วก็ไหลลับไม่กลับมาอีก เพราะอิเหนามีคู่หมั้นเก่า คือ นางบุษบา
วรรคทองจากเรื่อง มัทนะพาธาคำฉันท์
“ความรักเหมือนโรคา
บันดาลตาให้มืดมน
ไม่ยินและไม่ยล
อุปสรรคใดใด
ความรักเหมือนโคถึก
กำลังคึกผิขังไว้
ก็โลดจากคอกไป
บ่ยอมอยู่ ณ ที่ขัง
ถึงหากจะผูกไว้
ก็ดึงไปด้วยกำลัง
ยิ่งห้ามก็ยิ่งคลั่ง
บ่หวนคิดถึงเจ็บกาย”
เป็นตอนที่ท้าวชัยเสนไปพบนางมัทนะพาธาในป่า แล้วต้องการเป็นชายา ฤษีกาละทรรศินซึ่งมีนางคนรับใช้จึงเตือนว่า “ความรักมีได้แต่ต้องระว
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)